กรมทางหลวง
DEPARTMENT OF HIGHWAYS
ระบบทางหลวงที่สะดวกปลอดภัยเชื่อมโยงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
อุบลฯ, ศรีสะเกษ ยังอ่วม กรมทางหลวงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำท่วมทางหลวง 24 ชม. พร้อมจัดทำโรงครัวเพื่อจิตอาสากรอกกระสอบทรายเสริมแนวป้องกันน้ำท่วม
ลงวันที่ 16/10/2565

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุกภัยบนทางหลวงที่วิกฤตหนักในจังหวัดอุบลราชธานี กรมทางหลวงได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง และสูบน้ำที่ซึมเข้าผิวทาง บนทางหลวงหมายเลข 23 ตอน เขื่องใน - อุบลราชธานี ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรักษาสภาพถนนให้ประชาชนเดินทางได้อย่างปลอดภัย พร้อมดำเนินการภารกิจกรอกทราย เสริมความแข็งแรงของแนวกระสอบทราย รวมระยะทางวางกระสอบทรายได้ประมาณ 2,814 เมตร บนทางหลวงหมายเลข 231 ตอน ถนนวงแหวนรอบเมืองอุบลราชธานี (วงแหวนตะวันออกบัวท่า - บัวเทิง) (ข้อมูลวางกระสอบทราย ณ วันที่ 15 ต.ค. 65) และได้จัดทำโรงครัวเพื่อบริการจิตอาสาที่ได้ร่วมกรอกกระสอบทราย พร้อมกันนั้นยังได้สั่งการให้ผู้บริหารลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมนำเครื่องจักรและวัสดุอุปกรณ์เข้าให้การช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังติดตั้งป้ายเตือนและอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยแก่ผู้ใช้เส้นทาง ในขณะที่บางพื้นที่ก็มีการล้างทำความสะอาดถนนหลังจากน้ำลดลงบ้างแล้ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้รับความสะดวกปลอดภัยในการสัญจรโดยเร็วที่สุดอย่างต่อเนื่อง ตามข้อสั่งการของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มีความห่วงใย จากสถานการณ์ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ พร้อมทั้งเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยประชาชนอย่างทันท่วงที พร้อมกันนี้กรมทางหลวง ได้ทำการสรุปสถานการณ์อุทกภัยและดินสไลด์บนทางหลวง โดย สถานการณ์ประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2565 เวลา 12.30 น. พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ ในพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ จ.ขอนแก่น, จ.ศรีสะเกษ, จ.นครราชสีมา ,จ.หนองบัวลำภู , จ.อุบลราชธานี, จ.มหาสารคาม, จ.ยโสธร, จ.นครปฐม, จ.สระบุรี, จ.สุพรรณบุรี, จ.อ่างทอง, จ.พระนครศรีอยุธยา, จ.สิงห์บุรี และ จ.นครสวรรค์จำนวน 32 สายทาง 42 แห่ง การจราจรผ่านไม่ได้ 31 แห่ง ดังนี้


1. จังหวัดขอนแก่น จำนวน 3 แห่ง ได้แก่
- ทางหลวงหมายเลข 2065 ตอน พล – ลำชี ในพื้นที่ อ.พล ช่วง กม.ที่ 33+150 – 34+000 ทางขาด การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
- ทางหลวงหมายเลข 2131 ตอน บ้านสะอาด – เหล่านางาม ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 6+700 – 8+200 ระดับน้ำ 75 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้
- ทางหลวงหมายเลข 2183 ตอน น้ำพอง – โคกท่า ในพื้นที่ อ.น้ำพอง ช่วง กม.ที่ 14+200 – 15+100 ระดับน้ำ 50 – 55 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงแยกโคกท่า กม.25+600
2. จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 8 แห่ง ได้แก่
- ทางหลวงหมายเลข 226 ตอน ศรีสะเกษ – ห้วยขะยุง ในพื้นที่ อ.กันทรารมย์ ช่วง กม.ที่ 311+000 – 313+384 ระดับน้ำ 60 – 80 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยง ทล.2178
- ทางหลวงหมายเลข 2083 ตอน หัวช้าง – สะเดา ในพื้นที่ อ.ราษีไศล ช่วงกม.ที่ 16+000 – 19+500 ระดับน้ำ 45 – 90 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
- ทางหลวงหมายเลข 2086 ตอน บ้านด่าน – เมืองน้อย ในพื้นที่ อ.ราษีไศล ช่วงกม.ที่ 27+500 – 29+000 ระดับน้ำ 60 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
- ทางหลวงหมายเลข 2086 ตอน บ้านด่าน - เมืองน้อย ในพื้นที่ อ.ราษีไศล ช่วง กม.ที่ 30+000 – 31+500 ระดับน้ำ 50 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
-ทางหลวงหมายเลข 2086 ตอน บ้านด่าน - เมืองน้อย ในพื้นที่ อ.ราษีไศล ช่วง กม.ที่ 37+000 - 39+500 ระดับน้ำ 55 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้
- ทางหลวงหมายเลข 2086 ตอน เมืองน้อย – กันทรารมย์ ในพื้นที่ อ.กันทรารมย์ ช่วง กม.ที่103+500 – 107+125 ระดับน้ำ 80 - 95 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
- ทางหลวงหมายเลข 2373 ตอน โนนสำนัก – ดอนไม้งาม ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 12+000 – 16+050 ระดับน้ำ 55 - 85 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
- ทางหลวงหมายเลข 2412 ตอน ท่าศาลา – ละทาย ในพื้นที่ อ.กันทรารมย์ ช่วง กม.ที่ 12+000 – 16+500 เป็นช่วงๆ ระดับน้ำ 60 - 70 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน

3. จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 1 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 2285 ตอน ประทาย – ชุมพวง ในพื้นที่ อ.ชุมพวง ช่วง กม.ที่ 18+700 – 20+300 ระดับน้ำ 15 - 20 ซม. รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้ทางเลี่ยง ทล.2 ตรงไปถึงแยกบ้านวัดเลี้ยวขวาเข้า ทล.207 ตัดเข้า ทล.202 เพื่อเข้า จ.มหาสารคาม หรือ ใช้ ทล.2226 เพื่อเข้า จ.บุรีรัมย์

4. จังหวัดหนองบัวลำภู จำนวน 1 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 2146 ตอน หนองบัวลำภู - เขื่อนอุบลรัตน์ ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 39+500 – 42+000 ระดับน้ำ 30 - 70 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้ทางเลี่ยง ทช.4013

5. จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 7 แห่ง
-ทางหลวงหมายเลข 23 ตอน เขื่องใน - อุบลราชธานี ในพื้นที่ อ.เมืองอุบลราชธานี ช่วง กม.ที่ 260+700 – 261+800 ระดับน้ำ 60 ซม. ใช้ทางเลี่ยง ทล.2383
-ทางหลวงหมายเลข 23 ตอน เขื่องใน - อุบลราชธานี ในพื้นที่ อ.เมืองอุบลราชานี ช่วง กม.ที่ 274+840 น้ำกัดเซาะข้างท่อเหลี่ยม ทำให้ถนนทรุด (ปิดการจราจรขาออก ใช้ทางเบี่ยงขาเข้าให้รถวิ่งสวนทาง)
- ทางหลวงหมายเลข 24 ตอน วารินชำราบ - อุบลราชธานี ในพื้นที่ อ.วารินชำราบ ช่วง กม.ที่ 418+400 – 419+600 ระดับน้ำ 115 ซม. ให้ใช้เส้นทางเลี่ยง ทล.217 ทางแยกต่างระดับบัวเทิง เลี้ยวซ้ายไปสะพานข้ามแม่น้ำมูล เข้าสู่ตัวเมืองอุบลราชธานี
- ทางหลวงหมายเลข 226 ตอน ห้วยขะยุง – วารินชำราบ ในพื้นที่ อ.วารินชำราบ ช่วง กม.ที่ 313+400 – 313+700 ระดับน้ำ 70 ซม. ใช้ทางเลี่ยง ทล.2178
- ทางหลวงหมายเลข 226 ตอน ห้วยขะยุง – วารินชำราบ ในพื้นที่ อ.วารินชำราบ ช่วง กม.ที่ 319+600 – 319+800 ระดับน้ำ 135 - 140 ซม. ใช้ทางเลี่ยง ทล.2178
- ทางหลวงหมายเลข 231 ถนนวงแหวนรอบเมืองอุบลราชธานี ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 3+600 – 8+200 ระดับน้ำ 80 - 140 ซม. ใช้ทางเลี่ยงถนนวงแหวนด้านทิศตะวันออก ทล.231
- ทางหลวงหมายเลข 2404 ตอน เขื่องใน – นาคำใหญ่ ในพื้นที่ อ.เขื่องใน ช่วง กม.ที่ 14+120 – 14+550 ระดับน้ำ 65 ซม. ให้ใช้เส้นทางเลี่ยง ทล.2382

6.จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 1 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 2391 ตอน กู่ทอง - บ้านเขื่อน พื้นที่ อ.โกสุมพิสัย ช่วง กม.ที่ 17+300 - กม.18+000 ระดับน้ำ 40 ซม. ให้ใช้ทางเลี่ยง ทล.12 ช่วง กม.567+900

7. จังหวัดสระบุรี จำนวน 1 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 3034 หน้าพระลาน – บ้านครัว ในพื้นที่ อ.บ้านหมอ ช่วง กม.ที่ 13+400 - 15+700 ระดับน้ำ 40 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้ทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน

8. จังหวัดอ่างทอง จำนวน 2 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 3501 ตอน อ่างทอง – บางหลวงโดด ในพื้นที่ อ.ป่าโมก ช่วง กม.ที่ 9+900 – 10+400 ระดับน้ำนอกคันกั้นดิน 80 ซม. น้ำท่วมผิวจราจร 10 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้
- ทางหลวงหมายเลข 3501 ตอน อ่างทอง – บางหลวงโดด ในพื้นที่ อ.ป่าโมก ช่วง กม.ที่ 10+400 – 11+000 ระดับน้ำนอกคันกั้นดิน 80 ซม. น้ำท่วมผิวจราจร 10 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้

9.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 1 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 3412 ตอน อยุธยา - บางบาล ช่วง กม.ที่ 14+600 – 15+800 ระดับน้ำ 35 ซม. ให้ใช้ทางเลี่ยง เลี้ยวซ้ายเข้าวัดบ้านขวางออกทางหลวงชนบท 4038
10. จังหวัดสิงห์บุรี จำนวน 4 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 311 ตอน แยกวัดสนามไชย - วัดกระดังงา ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 33+500 – 35+100 ระดับน้ำ 105 ซม. (ทางโค้งด้านใน) การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้ทางเลี่ยงทางหลวงชนบท สห.3030
- ทางหลวงหมายเลข 311 ตอน วัดกระดังงา - บ้านม้า ในพื้นที่ อ.อินทร์บุรี ช่วง กม.ที่ 39+900 – 44+100 ระดับน้ำ 80 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้ทางเลี่ยงทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย)
- ทางหลวงหมายเลข 311 ตอน วัดกระดังงา - บ้านม้า ในพื้นที่ อ.อินทร์บุรี ช่วง กม.ที่ 57+400 – 57+850 ระดับน้ำ 40 ซม. (ทางโค้งด้านใน) การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้ทางเลี่ยงทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย)
- ทางหลวงหมายเลข 3030 ตอน ดงมะขามเทศ – บางระจัน ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 0+000 – 0+100 ระดับน้ำ 30 ซม. ให้ใช้ทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน

11. จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 1 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 3522 ตอน เนินฝอยทอง – ทุ่งผักเบี้ย ในพื้นที่ อ.พยุหะคีรี ช่วง กม.ที่ 3+800 – 4+100 ระดับน้ำ 30 - 35 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้ทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน

12. จังหวัดภูเก็ต จำนวน 1 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 4030 ตอน ถลาง - หาดราไวย์ ในพื้นที่ อ.กระทู้ ช่วง กม.ที่ 14+850 ด้านขวาทาง ดินสไลด์ลงมาบนผิวจราจร ให้ใช้ทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน

ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้สั่งการให้ สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงทั่วประเทศ เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีพื้นที่ใดประสบปัญหา เจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทันที ตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นอกจากนี้กรมทางหลวงได้ติดตั้งป้ายเตือนและอุปกรณ์ความปลอดภัย อุปกรณ์นำทาง ในบริเวณทางหลวงที่ถูกน้ำท่วม พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์จนกว่าจะคลี่คลาย โดยขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางโปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือ ต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อ ได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์สภาพเส้นทางและเส้นทางเลี่ยงได้ที่ทวิตเตอร์กรมทางหลวง @prdoh1


'